ต้นเฉาก๊วย ทำวุ้นเฉาก้วยช่วนดับร้อน
สรรพคุณต้นเฉาก๊วย/เฉาก๊วย
1. ทั้งน้ำต้มเฉาก๊วย และเฉาก๊วยมีรสเย็น ช่วยทำให้ชุ่มคอ ลดอาการคอแห้ง
2. ช่วยดับร้อน ลดอาการกระหายน้ำ
3. ช่วยบรรเทาอาการหวัด และเป็นไข้
4. ช่วยลดความดันเลือด ป้องกันโรคหลอดเลือดในสมองตีบหรือแตก
5. ช่วยลดอาการเบาหวาน
6. ช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
7. ช่วยแก้อาการข้ออักเสบ
8. ช่วยป้องกันโรคตับอักเสบ
เฉาก๊วย แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ
1. วุ้นหรือเจลเฉาก๊วย เป็นเฉาก๊วยชนิดอ่อนที่มีลักษณะเป็นวุ้นหรือเป็นเจล มักพบขายคู่กับเต้าหวย ทำได้จากการต้มเคี่ยวต้นเฉาก๊วยให้เหนียวข้น และตั้งทิ้งไว้ให้จนจนจับตัวเป็นวุ้น รับประทานด้วยการตัดเป็นก้อนหรือแผ่นเล็กๆร่วมกับน้ำเฉาก๊วยที่ใส่น้ำเชื่อม เฉาก๊วยชนิดนี้มีความนิยมมากในหมู่คนไทยเชื้อสายจีน
2. เฉาก๊วยแข็ง เป็นเฉาก๊วยที่มีลักษณะเป็นก้อนแข็งมากกว่าเฉาก๊วยชนิดแรก ทำได้จากการผสมโซเดียมไบคาร์บอเนตหรือแป้งในปริมาณพอเหมาะจนเป็นก้อนวุ้นที่ค่อนข้างแข็ง และกรอบกว่าเฉาก๊วยชนิดแรก รับประทานด้วยการขูดเป็นเส้นหรือตัดเป็นชิ้นผสมกับน้ำเชื่อมหรือใช้ทำของหวานผสมกับเครื่องอื่นๆ เฉาก๊วยชนิดนี้ถือว่าเป็นที่นิยม และพบมากที่สุด
การเตรียมต้นเฉาก๊วย
ต้นเฉาก๊วยหลังจากเก็บจากแปลงจะต้องนำมาล้างทำความสะอาดเสียก่อน แล้วนำไปตากแดดให้แห้ง ก่อนที่จะมัดรวมกันเป็นก้อนเพื่อให้ง่ายต่อการเก็บ และการขนส่ง
ต้นเฉาก๊วยที่จะนำมาต้มน้ำ โดยทั่วไปสามารถหักเป็นชิ้นใส่ในหม้อต้มได้เลย แต่หากต้องการให้ได้น้ำเฉาก๊วยที่เข้มข้นกว่าแนะนำให้สับเป็นชิ้นเล็กๆก่อน

ขั้นตอนการทำเฉาก๊วย
– นำต้นเฉาก๊วยแห้งมาล้างทำความสะอาด
– นำต้นเฉาก๊วยลงต้มในน้ำ อัตราส่วนเฉาก๊วยกับน้ำที่ 1:25-50
– ต้มเคี่ยวน้ำเฉาก๊วยนาน 3-5 ชั่วโมง จนน้ำเฉาก๊วยมีลักษณะข้นเป็นเมือก และมีสีดำใส
– ทำตักต้นเฉาก๊วยขึ้นมา แล้วใช้มือขยำหรือนวดต้นเฉาก๊วย เพื่อให้เมือกหลุดออกลงหม้อต้ม
– แยกกากต้นเฉาก๊วยออกจากน้ำต้ม และตั้งทิ้งไว้สักพักเพื่อให้ตะกอน และดินตกลงด้านล่างหม้อ
– ทำการกรองน้ำต้มเฉาก๊วยด้วยผ้าขาวบาง 1-2 ครั้ง โดยค่อยๆเทเบาๆ เพื่อไม่ให้ตะกอนด้านล่างฟุ้งขึ้นมา
– นำน้ำต้มเฉาก๊วยที่มีลักษณะเหนียวข้นตั้งทิ้งไว้ให้เย็นจนได้เฉาก๊วยที่มีลักษณะก้อนอ่อนนุ่ม
– หากต้องการความเหนียว และแข็งที่มากขึ้น ให้เติมโซเดียมไบคาร์บอเนตก่อนนำไปต้มอีกครั้งหรือใส่ในขณะที่น้ำเฉาก๊วยยังร้อน
– หากต้องการเพิ่มความแข็ง และเหนียวขึ้นมาอีกให้นำแป้งท้าวยายหม่อมหรือแป้งอ่อน เช่น แป้งมันสำปะหลังลงต้มผสม โดยนำน้ำต้มที่กรองเสร็จแล้วลงต้มผสมกับแป้งนาน 15 นาที พร้อมกับกวนอย่างต่อเนื่อง จนได้เมือกเหนียวดำ และเป็นมันเงา ก่อนเทใส่แม่พิมพ์หรือตั้งให้จับตัวเป็นก้อนในหม้อ
บางครั้งที่เรารับประทานเฉาก๊วยจากร้านค้าต่างๆมักจะสัมผัสได้ว่ามีดินปนเปื้อน ทั้งนี้เพราะว่า
1. ต้นเฉาก๊วยแห้งที่นำไปต้มไม่ได้ล้างทำความสะอาดก่อนในขั้นตอนการตากแห้ง
2. ไม่ได้ล้างต้นเฉาก๊วยแห้งก่อนนำมาต้ม
3. ไม่มีการกรองน้ำต้มเฉาก๊วยหรือมีการกรองที่ไม่พิถีพิถันพอ
ข้อเสนอแนะ
1. หากต้องการประหยัดเวลาเคี่ยว ให้สับต้นเฉาก๊วยเป็นชิ้นเล็กก่อนนำลงต้ม
2. ต้องมีการล้างต้นเฉาก๊วยก่อนลงต้ม และต้องกรองด้วยผ้าขาวทุกครั้ง
3. หม้อต้มที่ใช้ควรเป็นหม้อที่ทำจากสะแตนเลสหรือทองแดง ไม่ควรใช้หม้อที่ทำจากสังกะสี และอะลูมิเนียม เพราะขณะต้มหากเป็นหม้ออะลูมิเนียมจะทำให้เกิดสารอะลูมิเนียมไฮดรอกไซด์ และหากเป็นหม้อสังกะสีจะเกิดสารซิงค์ไฮดรอกไซด์ สารเหล่านี้สามารถจับกับสีดำของน้ำเฉาก๊วยได้ ทำให้ไปจับกับผิวหม้อจนเกิดสีดำได้ง่าย
4. การเติมแป้งจะใช้ประมาณร้อยละ 1-5 ของน้ำต้มเฉาก๊วย หากใส่มากจะทำให้เนื้อเฉาก๊วยแข็ง มีรสสัมผัสที่ไม่อร่อย

การทำน้ำเฉาก๊วย
น้ำเฉาก๊วยจะมีขั้นตอนการทำเหมือนกับการทำเฉาก๊วย แต่จะต้มในด้วยน้ำที่มากกว่า และไม่ต้องเคี่ยวให้เป็นเมือกเหนียวเหมือนเฉาก๊วย เพราะต้องการเพียงน้ำสีดำสำหรับดื่มเท่านั้น
หลังจากต้มจนมีน้ำสีดำได้ที่แล้วจึงค่อยกรองเอาแต่น้ำออก แล้วนำต้มผสมกับน้ำตาลทรายหรือน้ำเชื่อมตามความหวานที่ต้องการ สุดท้ายจะได้น้ำเฉาก๊วยสำหรับใส่รับประทานคู่เฉาก๊วยหรือสำหรับดื่มเป็นน้ำเฉาก๊วยเฉพาะ